University of Phayao

Digital Collections

ฐานข้อมูลคลังปัญญา มหาวิทยาลัยพะเยา จัดทำโดยศูนย์บรรณสารและการเรียนรู้ สถาบันนวัตกรรมการเรียนรู้ มหาวิทยาลัยพะเยา เพื่อเป็นแหล่งรวบรวม จัดเก็บและเผยแพร่ผลงานของคณาจารย์ นักวิจัย และนิสิต ของมหาวิทยาลัยพะเยา

นโยบายการรับผลงานการรับผลงานเข้าสู่ฐานข้อมูลคลังปัญญา มหาวิทยาลัยพะเยา จะคัดเลือกรับผลงานประเภทต่าง ๆ ดังต่อไปนี้

  • Theses วิทยานิพนธ์
  • Dissertations ดุษฎีนิพนธ์
  • Independent Study รายงานการค้นคว้าอิสระ
  • Technical Report รายงานการวิจัย
  • Journal Paper บทความวิจัยที่ตีพิมพ์ในบทความวารสาร
  • Bachelor’s Project ปัญหาพิเศษนักศึกษาปริญญาตรี
  • Patents สิทธิบัตร
  • Local Information Phayao Province ข้อมูลท้องถิ่นจังหวัดพะเยา
  • University of Phayao Archives จดหมายเหตุ มหาวิทยาลัยพะเยา

ติดต่อสอบถามข้อมูลหรือส่งผลงานได้ที่ UPDC Support.

Photo by @inspiredimages
 

Recent Submissions

Item
สมการทำนายความทนทานของระบบหัวใจและการหายใจโดยการทดสอบการยกขาสูงสลับกัน 2 นาทีในผู้สูงอายุ
(มหาวิทยาลัยพะเยา, 2017) กันยารัตน์ สุวรรณ์; สุดารัตน์ วงค์จันทร์
ขบวนการความแก่ชรา ส่งผลให้เกิดปัญหาความเสื่อมถอยของร่างกาย การทดสอบยกขาสูงสลับกัน 2 นาที (2-minute step test; 2MST) เป็นการทดสอบเพื่อประเมินความทนทานของระบบหายใจและหัวใจในผู้สูงอายุ อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีรายงานสมการในการทำนายความทนทานของระบบหายใจและหัวใจในผู้สูงอายุไทยด้วยการทดสอบ 2MST การศึกษานี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อศึกษาสมการการทดสอบยกขาสูงสลับกัน 2 นาทีในผู้สูงอายุ โดยทำการศึกษาในอาสาสมัครผู้สูงอายุ จำนวน 172 คน (เพศชาย 78 คน เพศหญิง 94 คน) อายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป อาสาสมัครทั้งหมดได้รับการสัมภาษณ์ประวัติสุขภาพเบื้องต้นด้วยแบบสอบถาม และประเมินความทนทานของระบบหายใจและหัวใจด้วยการทดสอบ 2MST ทำการประเมิน 2 ครั้ง เลือกค่าที่ดีที่สุด ผลการศึกษาพบว่า เพศชายและเพศหญิงไม่แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (79.26±14.92 และ 75.18±14.58 ครั้ง ตามลำดับ; p=0.072) เมื่อวิเคราะห์หาความสัมพันธ์ พบว่า จำนวนการยกขาสูงสลับกันภายใน 2 นาที มีความสัมพันธ์กับอายุ (r=-0.360; p< 0.001) มีความสัมพันธ์กับส่วนสูง (r=0.162; p= 0.055) มีความสัมพันธ์กับความดันสูงสุดขณะหัวใจบีบตัว (r=0.182; p=0.017) และมีความสัมพันธ์กับอัตราการเต้นของหัวใจ (r=0.180; p=0.018) ผลการวิเคราะห์ถดถอยพหุคูณ (multiple regression) ด้วยวิธี stepwise เมื่อควบคุมตัวแปรอื่นๆ ให้คงที่ พบว่า อายุ ความดันสูงสุดขณะหัวใจบีบตัว มีความสัมพันธ์กับจำนวนการยกขาสูงภายใน 2 นาที ใช้พยากรณ์ได้โดยมีประสิทธิภาพในการพยากรณ์ร้อยละ 16.8 และได้สมการ 2MST = 107.035 - (0.829 x อายุ(ปี)) + [0.186 x ความดันสูงสุดขณะหัวใจบีบตัว(มิลลิเมตรปรอท)) สมการที่ได้อาจช่วยบอกเปอร์เซ็นการทำนายของ 2MST ในผู้สูงอายุที่มาใช้ทดสอบครั้งแรก และอาจเป็นประโยชน์ต่อบุคคลกรหรือนักกายภาพบำบัด ในการตรวจประเมินความทนทานของระบบหัวใจและหายใจ เพื่อนำไปป้องกันและส่งเสริมสมรรถภาพของระบบหายใจและหายใจในผู้สูงอายุให้เพิ่มขึ้น
Item
ผลการออกกลังกายแบบฟ้อนเจิง มพ. ต่อความทนทานของหัวใจและหลอดเลือดในนิสิตหญิง คณะสหเวชศาสตร์ มหาวิทยาลัยพะเยา (การศึกษานำร่อง)
(มหาวิทยาลัยพะเยา, 2013) ธนานันต์ ปัญญา; เบญจวรรณ รูปงาม; เมธาวี อินต๊ะวัง
วัตถุประสงค์ เพื่อศึกษาผลของการออกกำลังกายแบบฟ้อนเจิง มพ. ต่อความทนทานของหัวใจและหลอดเลือดในวัยรุ่นหญิง วิธีการศึกษา อาสาสมัครเป็นนิสิตหญิงสุขภาพดีที่กำลังศึกษาอยู่คณะสหเวชศาสตร์ มหาวิทยาลัยพะเยา จำนวน 20 คน ถูกแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มละ 10 คน โดยมีค่าเฉลี่ยของอายุและดัชนีมวลกายที่ใกล้เคียงกัน อาสาสมัครที่ถูกจัดไว้ 2 กลุ่ม ได้รับเงื่อนไขให้เป็นกลุ่มควบคุมและกลุ่มออกกำลังกายโดยวิธีการสุ่ม กลุ่มออกกำลังกายเข้าร่วมโปรแกรมออกกำลังกายแบบฟ้อนเจิง มพ. ใช้เวลานาน 40 นาที/ครั้ง ความถี่ 3 วัน/สัปดาห์ ระยะเวลา 6 สัปดาห์ ประเมินปริมาณการใช้ออกซิเจนสูงสุด (Maximum oxygen consumption: VOrmax) ด้วยวิธีการ Modified Bruce Treadmill Protocol โดยประเมิน 2 ครั้ง คือก่อนและหลังสิ้นสุดโปรแกรมการออกกำลังกาย วิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิติ Student t-test กำหนดระดับนัยสำคัญทางสถิติที่ p < 0.05 ผลการศึกษา: ค่าปริมาณการใช้ออกซิเจนสูงสุดของอาสาสมัครกลุ่มออกกำลังกายมีค่าเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติภายหลังสิ้นสุดโปรแกรมออกกำลังกาย (p = 0.03) และไม่พบความแตกต่างทางสถิติสำหรับค่าปริมาณการใช้ออกซิเจนสูงสุดระหว่างก่อนและหลังสิ้นสุดโปรแกรมออกกำลังกายในอาสาสมัครกลุ่มควบคุม สรุปผลการศึกษา การออกกำลังกายแบบฟ้อนเจิง มพ. มีประสิทธิผลต่อการเพิ่มความทนทานของหัวใจและหลอดเลือดในรุ่นหญิง
Item
การศึกษาความคุ้มค่าในการใช้ทรายแม่น้ำงาวในผลิตภัณฑ์คอนกรีต
(มหาวิทยาลัยพะเยา, 2013) เจนณรงค์ จันตา
การศึกษาคุณสมบัติของทรายแม่น้ำงาว ตำบลหล่ายงาว อำเภอเวียงแก่น จังหวัดเชียงราย ทดแทนทรายแม่น้ำอิง ตำบลเม็งราย อำเภอพญาเม็งราย จังหวัดเชียงรายว่ามีความเหมาะสม และความคุ้มค่าในการนำมาใช้เป็นส่วนผสมของคอนกรีตเพียงใด โดยทำการทดสอบคุณสมบัติเชิงกล และความคุ้มค่าทางศรษฐศาสตร์ ผลการวิเคราะห์คุณสมบัติเชิงกล เช่น สัดส่วนคละมวลรวมละเอียด ความถ่วงจำเพาะมวลรวมละเอียด การดูดซึมน้ำของมวลรวมละเอียด และกำลังอัดเฉลี่ยของคอนกรีต มีค่าเท่ากับ 2.58, 2.42, 3.17 และ 241.66 กิโลกรัมต่อตารางเซนติเมตรตามลำดับ จากผลการทดสอบที่ได้แสดงให้เห็นว่า สามารถนำมาเป็นส่วนผสมของคอนกรีตได้เป็นไปตามกำลังอัดของคอนกรีตที่ออกแบบไว้ ส่วนการศึกษาความคุ้มค่า เมื่อเทียบปริมาณคอนกรีตปริมาตร 1 ลูกบาศก์เมตร ใช้ปริมาณทราย จำนวน 0.57 ลูกบาศก์เมตร จากอัตราส่วนคอนกรีตทั่ว ๆ ไป (1: 2: 4) จะทำให้คอนกรีตที่ใช้ทรายแม่น้ำงาวมีราคาถูกลง 102.56 บาทต่อคอนกรีต 1 ลูกบาศก์เมตร จึงสรุปได้ว่าการใช้ทรายแม่น้ำงาวในผลิตภัณฑ์คอนกรีตมีความเหมาะสมและคุ้มค่า
Item
การมีส่วนร่วมของภาคีเครือข่ายในการพัฒนาการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอำเภอแจ้ห่ม จังหวัดลำปาง
(มหาวิทยาลัยพะเยา, 2012) ชฎาพร ขันติวรพันธ์
การศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อศึกษาการมีส่วนร่วมของภาคีเครือข่าย ในการพัฒนาการศึกษานอกระบบ และการศึกษาตามอัธยาศัยอำเภอแจ้ห่ม จังหวัดลำปาง ในด้านการวางแผน การประสานงาน ความร่วมมือ การทำงานร่วมกัน และการประเมินผล ประชากรและกลุ่มตัวอย่างในการศึกษา ได้แก่ บุคลากรศูนย์การศึกษาระบบ และการศึกษาตามอัธยาศัยอำเภอแจ้ห่ม และบุคลากรจากภาคีเครือข่ายของศูนย์การศึกษานอกระบบ และการศึกษาตามอัธยาศัยอำเภอแจ้ห่ม ประกอบด้วย เจ้าหน้าที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เจ้าหน้าที่สาธารณสุข อาสาสมัครชุมชน เจ้าหน้าที่อนามัยพื้นที่สูงลำปาง เจ้าอาวาสทุกวัดในอำเภอแจ้ห่ม มูลนิธิศุภนิมิตแห่งประเทศไทยสาขาอำเภอแจ้ห่ม จังหวัดลำปาง กำนันผู้ใหญ่บ้าน และเกษตรอำเภอ รวมทั้งสิ้น 277 คน เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษา เป็นแบบสอบถาม วิเคราะห์ข้อมูลโดยหาค่าความถี่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย และค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน ผลการศึกษาพบว่า ภาคีเครือข่ายมีส่วนร่วมในการพัฒนาการศึกษานอกระบบ และการศึกษาตามอัธยาศัยอำเภอแจ้ห่ม ในภาพรวมทุกด้านอยู่ในระดับมากตามลำดับ คือ ด้านความร่วมมือ ด้านการทำงานร่วมกัน ด้านการประเมินผล ด้านการประสานงาน และด้านการวางแผน
Item
ปัจจัยการตัดสินใจใช้บริการสินเชื่อธุรกิจ สำนักงานธุรกิจเชียงราย ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน)
(มหาวิทยาลัยพะเยา, 2012) กนกอร ไชยวรรณ
รายงานฉบับนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อศึกษาปัจจัยการตัดสินใจใช้บริการสินเชื่อธุรกิจของสำนักงานธุรกิจเชียงราย ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) รวบรวมข้อมูลโดยใช้แบบสอบถามแบบมาตราส่วนประมาณค่า 5 ระดับ ได้แก่ สำคัญมากที่สุด มาก ปานกลาง น้อย และน้อยที่สุด จำนวน 120 ตัวอย่าง ทำการเก็บข้อมูลจากผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลาง และขนาดย่อมที่ใช้บริการสินเชื่อธุรกิจกับสำนักงานธุรกิจเชียงราย ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) ในเขตจังหวัดพะเยา (เป็นสาขาย่อยของสำนักงานธุรกิจเชียงราย) และในเขตจังหวัดเชียงราย เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล คือ การตอบแบบสอบถาม การวิเคราะห์ข้อมูล ใช้การแจกแจงความถี่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน และสถิติอนุมาน ได้แก่ สถิติไคสแควร์ ผลการศึกษาพบว่า ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่เป็นเพศชาย (55.00%) มีอายุระหว่าง 30-40 ปี (36.70%) มีระดับการศึกษาในระดับปริญญาตรี (49.20%) มีลักษณะการจดทะเบียนก่อตั้งธุรกิจเป็นแบบบุคคลธรรมดา (40.80%) ประกอบธุรกิจค้าปลีกค้าส่งสินค้าอุปโภคบริโภค (14.20%) มีระยะเวลาในการใช้บริการสินเชื่อสำนักงานธุรกิจเชียงราย ธนาคารไทยพาณิชย์จํากัด (มหาชน) ตั้งแต่ 1 ปี–ไม่เกิน 3 ปี (37.50%) ยอดขายต่อปี 21-65 ล้านบาท (36.70%) และมีประเภทสินเชื่อที่ใช้บริการมากที่สุด เป็นเงินเบิกเกินบัญชี (36.90%) ปัจจัยที่มีผลต่อการตัดสินใจใช้บริการสินเชื่อธุรกิจประกอบไปด้วย ปัจจัยด้านผลิตภัณฑ์ คือ วงเงินสินเชื่อที่ได้รับอนุมัติตรงกับความต้องการ (70.80%) ปัจจัยด้านราคา ได้แก่ อัตราดอกเบี้ยต่ำ (74.20%) ปัจจัยด้านสถานที่ให้บริการ คือ ทำเลที่ตั้งของธนาคารอยู่ใกล้ (35.00%) ปัจจัยด้านการส่งเสริมการตลาด ได้แก่ การให้คำแนะนำและคำปรึกษา ของพนักงานอย่างสม่ำเสมอ (40.00%) ปัจจัยด้านบุคลากร ได้แก่ พนักงานมีการติดต่อสื่อสารกับลูกค้าอย่างสุภาพเรียบร้อย มีการอธิบายที่ถูกต้องและเข้าใจง่าย (60.80%) ปัจจัยด้านกระบวนการ คือ ความสะดวกรวดเร็วในการอนุมัติสินเชื่อ (72.50%) และปัจจัยด้านอื่น ๆ เช่น นโยบายของธนาคารที่มีความชัดเจน (46.70%) จากการทดสอบสมมติฐานด้วยสถิติไคสแควร์ (P<0.05) พบว่า เพศมีผลต่อปัจจัยการตัดสินใจใช้บริการสินเชื่อธุรกิจสำนักงานธุรกิจเชียงราย ในด้านราคาแตกต่างกัน ระดับการศึกษา มีผลต่อปัจจัยการตัดสินใจใช้บริการสินเชื่อธุรกิจ ในด้านผลิตภัณฑ์และด้านราคา ลักษณะการจดทะเบียนก่อตั้งธุรกิจ มีผลต่อการตัดสินใจใช้บริการสินเชื่อธุรกิจ ในด้านสถานที่ให้บริการระยะเวลาในการใช้บริการสินเชื่อธุรกิจมีผลต่อการตัดสินใจใช้บริการสินเชื่อธุรกิจ ในด้านผลิตภัณฑ์ ยอดขายต่อปีของผู้ใช้บริการสินเชื่อธุรกิจมีผลต่อการตัดสินใจใช้บริการสินเชื่อธุรกิจใน ด้านสถานที่ให้บริการ นอกจากนี้ในด้านของประเภทธุรกิจของผู้ใช้บริการสินเชื่อธุรกิจไม่มีผลต่อการตัดสินใจใช้บริการสินเชื่อธุรกิจ ในด้านราคา